เสือโคร่ง
เมื่อเอ่ยคำว่า
"เสือ" ขึ้นมาเพียงคำเดียว ทุกคนคงจะนึกถึงเสือโคร่งเป็นอันดับแรก
เพราะเสือโคร่งเป็นเสือที่ผู้คนรู้จักกันมากที่สุด
มีลายพาดกลอนไม่เหมือนเสือชนิดอื่น รูปร่างสง่างาม ใหญ่โตกำยำ จึงเป็นตัวแทนของเสือทั้งมวล
ในทวีปเอเชียเสือโคร่งได้รับการยกย่องให้เป็นจ้าวป่า
เช่นเดียวกับที่สิงโตที่ครองตำแหน่งเป็นจ้าวแห่งท้องทุ่งในทวีปแอฟริกา
มีเรื่องเล่าและตำนานมากมายเกี่ยวกับเสือโคร่ง
มันมักถูกเล่าขานในด้านความน่าสะพรึงกลัว น่าเกรงขาม หรือน่าเกลียดชังในฐานะ
"สัตว์กินคน" รวมถึงความเชื่อต่าง ๆ
เกี่ยวกับอำนาจลึกลับที่อยู่ในตัวเสือโคร่ง
สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างเสือโคร่งกับมนุษย์
อย่างไรก็ตาม
เราเพิ่งจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเสือโคร่ง ทั้งด้านชีววิทยา การกินอยู่และอุปนิสัยของเสือโคร่งหลังจากมีการสำรวจอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เท่านั้น
ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราได้พบคือ จ้าวป่าชนิดนี้กำลังใกล้สูญพันธุ์
เพียงช่วงศตวรรษที่ผ่านมามีเสือโคร่งที่สูญพันธุ์ไปแล้วถึง 3 พันธุ์จากจำนวน 9 พันธุ์ และเสือโคร่งที่เหลืออยู่ก็ลดจำนวนลง
ทัศนคติที่ดีและความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้น ที่จะนำไปสู่การอนุรักษ์อย่างถูกทาง
พวกเราทุกคนจึงควรทำความรู้จักกับเสือโคร่งให้ดียิ่งขึ้น
ก่อนที่จะไม่มีเสือโคร่งเหลือให้รู้จัก
ลักษณะทั่วไป
เสือโคร่งเป็นสัตว์ตระกูลแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
เสือไซบีเรียซึ่งเป็นเสือโคร่งพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักตัวถึงเกือบ 500 กก. ลำตัวมีสีเหลืองแดงหรือสีขมิ้น
มีแถบสีดำหรือน้ำตาลพาดตามลำตัวตลอดในแนวตั้ง บริเวณหน้าอก
ส่วนท้องและด้านในของขาทั้งสี่มีสีขาวครีม บางตัวอาจมีสีออกเหลือง
มีกระบอกปากค่อนข้างยาว
เสือโคร่งตัวผู้มีลักษณะเด่นที่ขนที่หลังแก้มทั้งสองด้านซึ่งจะยาวเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะในเสือโคร่งพันธุ์สุมาตรา บริเวณจมูกมีสีชมพู
ในบางตัวอาจมีสีดำปะปนเป็นแต้ม ๆ ม่านตาสีเหลือง รูม่านตากลม หูสั้นและกลม
หลังหูมีสีดำและมีแต้มสีขาวเด่นชัดอยู่กลางใบหู
ขาหน้าของเสือโคร่งจะบึกบึนและแข็งแรงกว่าขาหลัง ฝ่าตีนกว้าง
หางยาวประมาณครึ่งหนึ่งของลำตัว ปลายหางเรียว
ลายดำที่หางมีลักษณะทั้งริ้วและปล้องปนกัน ปลายหางมักจะเป็นสีดำ
เสือโคร่งใช้หางช่วยรักษาสมดุลของร่างกายขณะหันตัวอย่างฉับพลัน
นอกจากนี้ยังใช้ในการสื่อสารกับเสือตัวอื่นด้วย
ตีนหน้าของเสือโคร่งจะมีนิ้วอยู่ข้างละ
5 นิ้ว ส่วนตีนหลังมีข้างละ 4 นิ้ว เล็บสามารถหดเก็บไว้ในอุ้งได้
ทำให้สามารถเดินได้อย่างเงียบกริบ รอยตีนของเสือโคร่งจึงไม่ปรากฏรอยเล็บ
ลายพาดกลอนของเสือโคร่งแต่ละตัวมีความแตกต่างกันมาก
และไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่ตัวเดียว
แม้แต่ลายทั้งสองข้างของลำตัวและลวดลายด้านข้างของใบหน้าของเสือแต่ละตัวก็มีลายไม่เหมือนกัน
จุดสังเกตของแถบบนตัวเสือโคร่งคือ จำนวนแถบ ความกว้างของแถบ
และการขาดของแถบกลายเป็นจุด อย่างไรก็ตาม
เส้นสีดำเหนือลูกตาทั้งสองข้างค่อนข้างจะสมมาตรกัน
เสือโคร่งพันธุ์สุมาตรามีริ้วลายมากที่สุด
ส่วนเสือโคร่งพันธุ์ไซบีเรียมีลายน้อยที่สุด
ขนาดและน้ำหนักของเสือโคร่งแต่ละพันธุ์มีความแตกต่างกันมาก
เสือไซบีเรียตัวผู้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงที่สุด มีความยาวลำตัวเกิน 10 ฟุต และหนักกว่า 300 กิโลกรัม ในขณะที่เสือโคร่งพันธุ์สุมาตราตัวเมียมีความยาวลำตัวสั้นกว่าถึง
3 ฟุต และมีน้ำหนักน้อยเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น
เสือที่อยู่ในเขตหนาว
เช่นเสือไซบีเรีย และเสือแคสเปียนในในเตอร์กิสถานและคอเคซัส
มีขนในฤดูหนาวและในฤดูร้อนแตกต่างกันมาก ในฤดูหนาว
ขนของมันจะยาวและแน่นมากจนดูทับกันเป็นปึก
ในขณะที่สีสันก็จะจางซีดกว่าขนในฤดูร้อนด้วย
เสือโคร่งดำ
เป็นเสือโคร่งที่มีสีดำ เป็นที่กล่าวถึงมาเป็นเวลาช้านาน
แต่ยังเป็นที่ยืนยันแน่ชัดว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เพราะขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามยังมีรายงานพบเห็นตัวอยู่นาน
ๆ ครั้ง
หลักฐานหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการพบหนังเสือโคร่งดำในขณะที่มีการจับกุมการค้าหนังสัตว์เถื่อนที่เดลฮีในปี
2535 หนังผืนนั้นมีสีดำสนิทที่บริเวณกระหม่อมและกลางหลัง และค่อย ๆ
จางลงไล่ลงมาตามข้างลำตัวจนถึงสุดแถบ หนังผืนนั้นไม่ได้เกิดจากความปกติของเม็ดสีแบบเมลานิซึมอย่างที่พบในเสือดำหรือจากัวร์ดำหรือเสือชนิดอื่น
ๆ ซึ่งดำปลอดทั้งตัว แต่เชื่อว่าเป็นลักษณะของยีนอากูตี
ซึ่งทำให้แถบดำเชื่อมต่อกัน
ตัวอย่างของเสือที่มีลักษณะแบบนี้เคยมีผู้ถ่ายภาพได้ในอุทยานแห่งชาติกันนาของอินเดีย
เสือโคร่งขาว
หรือเสือเบงกอลขาว มีรูปร่างเหมือนเสือโคร่งปรกติ
แต่มีขนพื้นสีขาวและลายสีน้ำตาลเข้ม ม่านตาสีฟ้า เป็นเสือโคร่งที่คุ้นตาผู้คนมาก
สามารถพบได้ในสวนสัตว์เกือบทุกแห่งรวมทั้งสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ในเมืองไทย
แต่อย่างไรก็ตามเสือโคร่งขาวได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของอินเดียแล้ว
ตัวสุดท้ายที่มีผู้พบเห็นเป็นลูกเสือตัวผู้ที่ถูกจับได้มาจากรีวา
ในตอนกลางของอินเดียโดยมหาราชาแห่งรีวาในปี พ.ศ. 2494 มีชื่อว่า โมฮัน
เสือโคร่งขาวเกือบทั้งหมดที่อยู่ในสวนสัตว์และแหล่งเพาะเลี้ยงต่าง ๆ
ทั่วโลกในปัจจุบันล้วนแต่เป็นลูกหลานของโมฮันทั้งสิ้น เสือโคร่งขาวไม่ใช่เสือโคร่งเผือกแท้
แต่เป็นอาการผิดปรกติที่ผิวหนังมีจำนวนเม็ดสีน้อย
เสือโคร่งขาวลำตัวมีพื้นสีขาวปลอดและมีลายพาดกลอนเป็นสีน้ำตาลและมีตาสีฟ้า
ซึ่งเรียกว่า chinchilla
mutation
อุปนิสัย
เสือโคร่งไม่กลัวน้ำ
และชอบลงแช่น้ำในเวลาอากาศร้อน
เสือโคร่งหากินในเวลากลางคืนเป็นส่วนใหญ่และมักจะเป็นช่วงหัวค่ำและเช้า
มืด แต่ก็อาจออกหากินในเวลากลางวันได้เป็นบางครั้ง โดยเฉพาะในฤดูหนาวสำหรับเสือที่อาศัยอยู่ในเขตเหนือ
เสือโคร่งมักใช้สายตาและการรับฟังช่วยในการล่ามากกว่าการรับกลิ่น อาหารส่วนใหญ่ของเสือโคร่งเป็นสัตว์ขนาดใหญ่
เช่น กระทิง วัว กวาง เลียงผา แอนติโลป ควาย เก้ง และหมูป่า
บางครั้งก็อาจล่าลูกช้างหรือลูกแรดได้ เสือโคร่งในอินเดียมักชอบล่าสัตว์ใหญ่มากกว่าสัตว์เล็ก
เช่นในอุทยานแห่งชาติจิตวัน อาหารหลักของเสือโคร่งคือ กวางป่า รองลงมาคือกวางดาว
ในนาการาโฮลพบว่าอาหารหลักคือกระทิงและกวางป่า ส่วนเสือโคร่งในเมืองไทยไม่ค่อยล่าสัตว์ใหญ่บ่อยนัก
จากการสำรวจพบว่าอาหารหลักของเสือโคร่งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง คือเก้ง
กวางป่า หมูป่า และหมูหริ่ง ตามลำดับ
ในภาวะอาหารขาดแคลน
เสือโคร่งก็อาจล่าสัตว์เล็กอย่างลิง นก ปลา หรือสัตว์เลื้อยคลาน บ้างเช่นกัน บางครั้งเสือโคร่งอาจฆ่าและกินเสือดาวหรือแม้แต่เสือโคร่งด้วยกันเอง
รวมถึงสัตว์ล่าเหยื่อชนิดอื่นเช่นหมีควายด้วย
เสือโคร่งหาเหยื่อโดยใช้วิธีซุ่มรอเช่นเดียวกับเสือและแมวทั่วไป
โดยอาศัยต้นไม้ใบหญ้าพรางตัวแล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้เหยื่อทางด้านหลังหรือด้านข้าง
เมื่อได้จังหวะและระยะพอเหมาะจะกระโจนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว จุดตายสำคัญที่เสือโคร่งเลือกกัดคือคอ
การเลือกตำแหน่งกัดว่าจะเป็นด้านหน้าคอหรือหลังคอขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
ขนาดของเหยื่อ ขนาดของเสือ ทิศทางการเข้าจู่โจมว่าจะเป็นจากด้านหน้า ด้านข้างหรือด้านหลัง
และลักษณะการต่อสู้ของเหยื่อ มันจะเลือกวิธีที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยที่สุด
เมื่อเสือล้มเหยื่อลงได้แล้ว มันจะเข้ากัดที่คอหอยและค้างไว้ให้เหยื่อหายใจไม่ออกจนตาย
การกัดที่จุดนี้มีข้อได้เปรียบกว่าการกัดที่จุดอื่น ๆ เพราะเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยจากเขาและจากการเตะถีบของเหยื่อ
และยังทำให้ง่ายในการบังคับไม่ให้เหยื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่มักใช้กับเหยื่อขนาดใหญ่เช่นกระทิงหรือกวาง
หากเป็นเหยื่อตัวเล็ก เสือมักเลือกที่จะกัดตรงด้านหลังคอที่ตำแหน่งใกล้กะโหลก แรงกัดจะทำให้กระดูกคอแตกและกดเส้นประสาทจนเหยื่อตาย
เมื่อเสือโคร่งจับเหยื่อได้
มันมักลากเหยื่อไปยังที่ลับตาเช่นใต้เงาไม้และใกล้น้ำ เพื่อที่จะกินน้ำได้สะดวก
มันมีพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ซากกระทิงที่หนักกว่าตัวมันหลายเท่ามันก็ยังลากไปได้
หลังจากที่กินอาหารอิ่มแล้ว หากเหยื่อยังเหลือ มันมักจะอยู่ไม่ไกลจากเหยื่อนั้นมากนัก
เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์กินซากอื่น ๆ มาแอบกินเหยื่อ
บางครั้งมันก็เอากิ่งไม้ใบไม้มาบังเหยื่อเพื่ออำพรางด้วย
เสือโคร่งกำลังลากกวางดาวที่เพิ่งจับได้
เสือโคร่งตัวหนึ่งกินอาหารครั้งละประมาณ
18-40 กิโลกรัม โดยจะเริ่มกินที่สะโพกก่อนเสมอ
หากเหยื่อไม่ถูกขโมยไปเสียก่อน มันจะหวนกลับมากินทุกวันอีกเป็นเวลา 3-6 วันจนกว่าซากจะหมดหรือเกือบหมด เสือจะล่าเหยื่อขนาดใหญ่เพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น
เคยมีบันทึกว่าเสือโคร่งตัวเมียในจิตวันที่ไม่ได้เลี้ยงลูกจะล่าเหยื่อทุก ๆ
8-8.5 วัน
ถึงแม้ว่าเสือโคร่งจะเป็นนักล่าผู้ยิ่งใหญ่และได้รับการยกย่องให้เป็นถึง
จ้าวป่า แต่การล่าของเสือโคร่งส่วนใหญ่จะล้มเหลว ประสิทธิภาพในการจับเหยื่อของเสือโคร่งอาจต่ำถึงราว
1 ใน 10 หมายความว่าถ้าย่องเข้าจับเหยื่อ 10 ครั้งจะทำสำเร็จเพียงครั้งเดียว
และอาจน้อยถึง 1 ใน 20 ในบางครั้ง
หากการล่าเหยื่อไม่สำเร็จในครั้งแรก เสือโคร่งมักจะปล่อยเหยื่อไปโดยไม่ใส่ใจจะติดตามเหยื่อตัวนั้นไปอีก
แต่เคยมีเสือโคร่งตัวหนึ่งในตอนใต้ของประเทศอินเดียไล่ตามกวางป่าที่บาดเจ็บ ไปไกลกว่า
2 กิโลเมตรเป็นเวลาถึงกว่า 2 ชั่วโมง
เสือโคร่งจะเป็นสัตว์ที่อยู่โดยลำพัง
แต่บางครั้งเสือโคร่งอาจรวมกันล่าเหยื่อแบบสิงโตเหมือนกัน เคยมีผู้พบเห็นเสือโคร่งฝูงหนึ่งซึ่งอาจเป็นเสือในครอบครัวเดียวกัน
ประกอบด้วยตัวผู้ 2 ตัวและตัวเมีย 3
ตัว ล่าเหยื่อโดยมีการวางกำลังตามจุดต่าง ๆ
รอบทะเลสาบซึ่งมีกวางอยู่ และยังมีการไล่ต้อนเหยื่อให้วิ่งไปตำแหน่งที่เสืออีกตัวหนึ่งซุ่มซ่อนอยู่
ด้วย จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน กล่าวว่าเคยเห็นเสือโคร่งสองตัวรุมฆ่าช้างงาขนาดใหญ่ได้
แม้ว่าเสือโคร่งจะเป็นสัตว์ที่อยู่ตามลำพังยกเว้นแม่เสือที่เลี้ยงดูลูก
แต่เคยมีบันทึกว่าพบเสือโคร่งหากินกันเป็นครอบครัวหรือพักผ่อนร่วมกัน ในอุทยานแห่งชาติกันนาในประเทศอินเดีย
มีผู้พบเห็นเสือโคร่งตัวเมียกับลูก ๆ และเสือโคร่งวัยรุ่นอีกตัวซึ่งน่าจะเป็นพี่ของเสือครอกนั้นร้องเรียกเสือ
โคร่งตัวผู้เต็มวัยตัวหนึ่ง หลังจากนั้นทั้งหมดก็เดินไปด้วยกัน
แม้แต่เสือโคร่งที่ตัวเต็มวัยแล้ว
ก็อาจอาศัยอยู่ด้วยกันได้ในบางครั้ง
เสือโคร่งชอบทิ้งรอยข่วนตามต้นไม้เพื่อประกาศอาณาเขต
และเป็นการบริหารเล็บให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ การประกาศอาณาเขตของตัวเองอีกวิธีหนึ่งคือ
การปล่อยปัสสาวะไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่นพุ่มไม้ โคนไม้ หรือก้อนหิน กลิ่นของปัสสาวะยังสามารถระบุตัวเสือโคร่งได้ด้วย
เมื่อเสือโคร่งตัวอื่นมาได้กลิ่นนี้ จะทราบได้ว่าเจ้าของพื้นที่เป็นเพศใด และพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้วหรือไม่
กลิ่นของปัสสาวะนี้คงอยู่ได้ไม่นานนัก ดังนั้นเจ้าของพื้นที่จะต้องมั่นแวะเวียนตรวจตราพื้นที่และเติมกลิ่นของตน
เองอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากกลิ่นหายไปแล้ว เสือโคร่งตัวอื่นอาจถือว่าเป็นพื้นที่ไม่มีเจ้าของและยึดพื้นที่ไปได้
เสือโคร่งต่างจากสัตว์ในตระกูลแมวหลายชนิด
เสือโคร่งไม่กลัวน้ำซ้ำยังชอบน้ำมาก ในช่วงกลางวันของฤดูร้อนมันมักลงไปนอนแช่น้ำในทะเลสาบหรือบึง
มีบันทึกการเห็นเสือโคร่งว่ายน้ำเป็นระยะทางไกลอยู่บ่อยครั้ง เช่น ในซุนดาบันส์ในประเทศอินเดียและบังกลาเทศซึ่งเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่
น้ำคงคาและพรหมบุตร มักมีเสือโคร่งว่ายน้ำข้ามแม่น้ำอยู่เสมอ ๆ เคยมีบันทึกไว้ว่าเสือโคร่งว่ายน้ำข้ามแม่น้ำในซุนดาบันส์เป็นระยะทางถึง
29 กิโลเมตร
และอาจมีอีกตัวหนึ่งที่ว่ายไกลถึง 56 กิโลเมตร และในที่เดียวกันนี้ก็เคยมีเสือโคร่งลากคนออกไปจากเรือเลยทีเดียว
ในมาเลเซียเคยมีผู้พบเสือโคร่งตัวหนึ่งว่ายน้ำเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตรจากแผ่นดินใหญ่ของประเทศมาเลเซียไปเกาะปีนัง
ในแถบแคสเปียนและแม่น้ำอะมูร์ ในรัสเซียตะวันออกก็เคยมีผู้พบเห็นเสือว่ายน้ำเป็นระยะทาง
8 กิโลเมตร ในเขตอนุรักษ์เสือโคร่งรันทัมบอร์ในอินเดียก็เคยมีรายงานว่าเสือโคร่งไล่ฆ่า
กวางป่าในทะเลสาบจนจมน้ำลงไปทั้งคู่อยู่พักหนึ่ง และในทะเลสาบเดียวกันนี้เคยมีผู้พบเห็นเสือโคร่งจับจระเข้มากินอีกด้วย
ตามปรกติ
เสือโคร่งไม่ชอบปีนต้นไม้ แต่ก็ปีนได้ถ้าต้องการ ในอินเดีย เคยมีรายงานว่าเสือดาวตัวหนึ่งไปเข้าใกล้แม่เสือโคร่งตัวหนึ่งที่มีลูก
จึงถูกเสือโคร่งไล่ล่า แม้เสือดาวตัวนั้นจะปีนหนีขึ้นต้นไม้แต่ก็ยังถูกแม่เสือโคร่งตามขึ้นไปฆ่าบนต้นไม้ได้
ที่มา
http://www.verdantplanet.org/catsoftheworld/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87